การวิ่งท่ามกลางอากาศหนาวเป็นอันตรายจริงหรือวันนี้เราจะมาหาคำตอบไปพร้อมกัน
1.อันตรายของภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ
ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ (Hypothermia) คือ สภาวะที่อุณหภูมิภายในร่างกายลดต่ำลงจนถึงระดับที่เป็นอันตรายเมื่ออยู่ในสถานที่ที่เย็น มีลมหรือเปียกชื้น ปกติร่างกายแกนกลางของเราจะมีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส เมื่อเกิดภาวะนี้ขึ้นทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาทและอวัยวะต่างๆ จะลดประสิทธิภาพลง ในกรณีที่แย่ที่สุดอาจทำให้หัวใจและระบบหายใจหยุดทำงานจนเสียชีวิตได้
วิธีป้องกัน
- สวมหมวกเสีย เพราะส่วนใหญ่ร่างกายจะสูญเสียความร้อนกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ผ่านศีรษะ
- สวมเสื้อที่ทำจากวัสดุพิเศษซึ่งช่วยระบายอากาศและให้ความอบอุ่นกับร่างกายได้อย่างดี พยายามเลี่ยงคอตตอนเพราะจะทำให้เปียกชื้นและเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาได้
- ใส่เสื้อผ้าบางๆ หลายๆ ชั้นดีกว่าการใช้เสื้อหนาๆ เพียงชั้นเดียว เพราะหากระหว่างวิ่งคุณรู้สึกร้อนก็สามารถถอดออกได้ทีละชั้นเพื่อให้ร่างกายสามารถควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมได้อย่างดี
สังเกตอาการ
ควรสังเกตตัวเองระหว่างวิ่งว่ามีอาการภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ (Hypothermia) เกิดขึ้นหรือไม่
- พูดไม่เป็นคำ
- สั่นหนักมาก
- มึนหัวและคลื่นไส้
- หายใจแรงกว่าปกติ
- สูญเสียการประสานงานระหว่างร่างกาย
- อัตราการเต้นหัวใจเพิ่มขึ้นผิดปกติ
- เหนื่อยกว่าปกติ
- สับสันหรือเบลอ
หากคุณมีอาการสองสามอย่างในนี้ควรขอความช่วยเหลือทันที หยุดวิ่งกลางแจ้งและเปลี่ยนมาวิ่งในยิมแทนค่อยๆ เพิ่มความสามารถตัวเองอย่างช้าๆ
2.ผิวหนังถูกทำลายจากความเย็น
อาการที่อันตรายซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ระหว่างวิ่งในสถานที่ที่อากาศเย็นจัดคือ ผิวหนังถูกทำลายจากความเย็น (Frostbite) เนื่องจากร่างกายสัมผัสกับความเย็นจัดต่ำกว่า -10 องศาเซลเซียส โดยตรงทำให้ผิวหนังถูกทำลายภายในครึ่งชั่วโมง
วิธีป้องกัน
- ปกป้องส่วนที่เสี่ยงต่อการถูกความเย็นทำลายได้ง่ายคือ นิ้วเท้า นิ้วมือ จมูก หู คางและแก้ม
- ใส่หมวกคลุมใบหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้บริเวณหู จมูกโดยความเย็นโดยตรง
- ทาครีมกันแดดด้วย ต่อให้วิ่งในสภาพอากาศหนาวเย็นก็ไม่ได้แปลว่าคุณไม่จำเป็นต้องปกป้องผิวจากแสงแดด
- สวมถุงมือที่ทำจากพอลิโพรพิลีน หรือหากอากาศเย็นมากจริงๆ ควรใส่ถุงมือแบบแยกนิ้วและใส่หลายชั้นหน่อยเพื่อการป้องกันที่มากขึ้น เมื่อคุณร้อนก็สามารถถอดออกทีละชั้นได้
- ใส่ถุงเท้าและรองเท้าที่เหมาะสม เลือกรองเท้าที่กันน้ำ ระบายอากาศได้ดี ถุงเท้าทำจากวัสดุสังเคราะห์หรือพอลิโพรพิลีน เพื่อให้เท้าและนิ้วเท้าของคุณแห้งและวิ่งได้อย่างสบาย
ให้ความสำคัญกับสัญญาณเตือนเบื้องต้น
ควรสังเกตว่าตัวเองมีอาการชา ความรู้สึกลดลงบริเวณที่โดนความเย็นหรือเปล่า เพราะอาการเหล่านี้อาจนำพาไปสู่อาการผิวหนังถูกทำลายจากความเย็น (Frostbite) ได้ หยุดวิ่งกลางแจ้งและเข้าไปในที่ร่มทันที จากนั้นให้ความอบอุ่นบริเวณนั้นๆ โดยใช้ถุงร้อนหรือแช่น้ำอุ่น อย่างละเลยสัญญาณต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด
3.ปอดชื้น
สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยไม่แพ้อาการต่างๆ คือ ภาวะปอดเย็นเกินไป จากการวิ่งในสถานที่ที่อุณหภูมิติดลบ อย่างไรก็ตามหากคุณเป็นนักวิ่งอยู่แล้วอาจไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป เพราะระหว่างที่วิ่งถึงแม้อากาศภายนอกจะเย็นแต่ระบบหายใจของเราจะทำให้อากาศที่หายใจเข้าอุ่นก่อนจะไปถึงปอด อย่างไรก็ตามหากสภาพอากาศเย็นลดต่ำกว่า -30 องศาอาจทำให้หลอดลมหรือลำคออักเสบได้
วิธีป้องกัน
- อาการไอหรือช่องเดินอากาศถูกทำลายเกิดจากอากาศที่เย็นและแห้งเกินไป แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการใส่ผ้าพันคอหรือหมวกไหมพรหมคลุมหน้าซึ่งจะช่วยป้องกันความชื้นระหว่างหายใจออก ลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการวิ่งในอากาศเย็นได้
- พยายามหายใจเข้าทางจมูกช่วยลดความเสี่ยงได้ ทั้งนี้ ขึ้นกับความหนักของการฝึก ระดับสมรรถภาพและกลยุทธ์ที่คุณใช้ในการหายใจ แต่การหายใจทางจมูกจะช่วยลดอาการเจ็บแสบจากอากาศที่เย็นและแห้งเกินไป
4.ลื่นและล้ม
คุณอาจลื่นและล้มได้ง่ายๆ ระหว่างที่วิ่งไปบนพื้นที่ชื้นแฉะหรือมีน้ำแข็ง การหกล้มหรือเลื่อนในสภาพอากาศหนาวเย็นสามารถเป็นสาเหตุของอาการบาดเจ็บที่รุนแรงได้ ทั้งนี้ ขึ้นกับว่าคุณวิ่งที่ไหนและบริเวณพื้นผิวถนนที่วิ่งนั้นลื่น มีฝนหรือหิมะหรือเปล่า หากคุณบาดเจ็บระหว่างวิ่งแน่นอนว่าอาจทำให้คุณต้องเว้นจากการฝึกไปนาน ดังนั้นจึงควรระวังตัวให้ดี
วิธีป้องกัน
- สังเกตบริเวณที่วิ่งให้ดีว่ามีพื้นผิวที่ลื่นหรือมีหิมะหรือเปล่าโดยเฉพาะบริเวณช่วงลงเนินเขาต้องระวังมากๆ
- วิ่งในเส้นทางที่คนส่วนใหญ่วิ่ง เพราะจะเป็นเส้นทางที่ถูกจัดการทำความสะอาดและค่อนข้างปลอดภัย เสี่ยงบริเวณที่มีพื้นผิวเปียกแฉะหรือหิมะมากๆ หรืออาจะเลือกวิ่งบริเวณใกล้ๆ บ้านไว้ก่อนก็ได้
- ใส่รองเท้ากัดน้ำที่เหมาะกับการวิ่งในฤดูหนาว เพราะจะมีส่วนที่เสริมและรองรับข้อเท้าโดยเฉพาะ ทำให้คุณวิ่งบนหิมะง่ายขึ้นและทำให้เท้าอุ่นอยู่เสมอ
- ใส่ที่กันลื่นไว้ที่รองเท้าเพื่อช่วยให้การยึดเกาะและควบคุมแต่ละก้าวกับพื้นผิวถนนได้ดีขึ้น ยี่ห้อแนะนำคือ Yaktrax ราคาประมาณ 1,000 บาท
5.น้ำมูกไหล
เมื่อวิ่งในสภาพอากาศหนาวเย็นคุณอาจน้ำมูกไหลได้เป็นเรื่องปกติ จมูกทำหน้าที่เป็นตัวกรองความชื้นขั้นแรกของอากาศที่สูดเข้าไปก่อนจะส่งไปที่ปอด ทั้งนี้เมื่อวิ่งในอากาศเย็นจมูกต้องทำงานหนักขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อให้อากาศที่เข้าร่างกายมีความชื้นและอุ่นจึงทำให้ผลิตของเหลวออกมามากกว่าปกติไปด้วย
วิธีป้องกัน
- สวมหมวกไหมพรหมคลุมหน้าเพื่อช่วยลดการทำงานของจมูกในการทำให้อากาศที่สูดเข้าไปนั้นอุ่นและมีความชื้นพอเหมาะ
- ในกรณีที่เป็นปัญหาอย่างรุนแรง คุณควรไปพบแพทย์เพื่อหาทางออก โดยจะมียาสเปย์หรือยาทานเพื่อช่วยบรรเทาอากาศแพ้ หากมีอากาศแพ้หรือผิวแห้งจากการใช้ยาให้ทาวาสลีนบริเวณจมูกและปาก
เมื่อไหร่จึงควรเลี่ยงการวิ่งในอากาศที่หนาวเย็น
การวิ่งท่ามกลางอุณหภูมิต่ำอาจไม่เหมาะกับทุกคน มีข้อควรระวังที่ต้องปฏิบัติ ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าต้องมารักษาตัวทีหลัง คุณไม่ควรวิ่งหากทำให้เกิดปัญหาและเป็นอันตรายต่อชีวิต หากคุณมีปัญหาสุขภาพอย่างโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหอบหืด หลอดลมอักเสบหรือแพ้ความเย็นควรพิจารณาเลี่ยงการวิ่งในสถานที่ที่หนาวเย็นและอาจเปลี่ยนไปวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าแทนซึ่งปลอดภัยกว่าและดีกว่าการอยู่เฉยๆ
การวิ่งในฤดูหนาวนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียหากคุณไม่ระมัดระวังตัวมากพอ หากคุณอยากวิ่งจริงๆ ก็ควรป้องกันและมั่นสังเกตอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างวิ่งให้ดี
ที่มา : runnersblueprint